หนึ่งในหลักสูตรใหม่ที่ John Robert Powers พัฒนาขึ้น ถอดรหัส DNA ผู้ประกอบการ การทำตัวเราให้กลายเป็นแบรนด์ที่น่าจดจำ

     การสร้างการจดจำ คือ จุดประสงค์หลักของการสร้างแบรนด์สินค้า สินค้าทุกแบรนด์ต่างมุ่งหวังจับจองพื้นที่ความทรงจำของลูกค้า เพราะเมื่อใดก็ตามที่แบรนด์ถูกจดจำ สินค้านั้นๆ จะแทรกอยู่ในใจของลูกค้าและส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อโดยตรง แม้บุคคลจะไม่ใช่สินค้า แต่เชื่อว่าทุกคนอยากได้รับการจดจำมากกว่าถูกลืม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ การถูกจดจำ หมายถึงโอกาสความสำเร็จที่มากขึ้น เพราะการถูกจดจำ คือต้นทุนที่ผู้ประกอบการสามารถแปลงเป็นกำไรได้ การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพื่อสร้างการจดจำจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

     BrandMe หนึ่งในหลักสูตรใหม่ที่สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ John Robert Powers พัฒนาขึ้น ช่วยในการถอดรหัส DNA ของบุคคลเพื่อดึงอัตตาลักษณ์ของแต่ละบุคคลออกมา และแสดงอัตตาลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ดังกล่าวให้บุคคลอื่นรับรู้ ผ่านทางสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และ การสัมผัส เพื่อเคล็ดลับการสร้างความมีชื่อเสียงให้คนรู้จัก ชื่นชอบ และเป็นที่จดจำได้ พร้อมทั้งเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและตัวแบรนด์สินค้าหรือองค์กร พร้อมทั้งสร้างบุคคลให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์อีกด้วย

     ในเรื่องนี้ ธัญญา รอตก้า ผู้จัดการทั่วไป John Robert Powers กล่าวถึงที่มาของหลักสูตรการสร้างอัตตาลักษณ์เฉพาะตัวของบุคคล หรือ BrandMe ว่า หลักสูตรนี้มีจุดเริ่มต้นจากที่เห็นการสร้างแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ของกลุ่มนักการตลาด และทางJohn Robert Power ก็มีโอกาสได้สร้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับองค์กรต่างๆ โดยต้องสร้างบุคคลกรให้สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ขององค์กร จึงเกิดเป็นความคิดในการเปิดสอนหลักสูตร BrandMe สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการจะสร้างเอกลักษณ์หรือจุดเด่นให้ตัวเอง

     ทั้งนี้ หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่า หลักสูตร BrandMe ถูกออกแบบมาเพื่อกลุ่มศิลปินเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วหลักสูตรนี้เหมาะกับทุกคนในทุกวงการที่ต้องการถูกจดจำ เพราะการถูกจดจำโดยบุคคลในวงการที่แต่ละบุคคลทำงาน จะช่วยสร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพนั้นๆ หากมองเจาะลึกในวงการธุรกิจ หลักสูตรนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถสร้างแบรนด์ธุรกิจไปพร้อมๆ กับสร้างอัตตาลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ประกอบการ

     โดยความน่าสนใจของหลักสูตร BrandMe นี้ จะแตกต่างจากหลักสูตรอื่นๆ เพราะเป็นหลักสูตรที่ถูกออกแบบเพื่อถอดรหัส DNA ของแต่ละบุคคลและสร้างอัตตาลักษณ์จากตัวตนของเขาอย่างแท้จริง หลักสูตรนี้ไม่ต้องการสร้างอัตตาลักษณ์ของบุคคลแบบฉาบฉวย จึงต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างการเปลี่ยนแปลง โดยระยะเวลาในการเรียนทั้งหมดจะถูกแบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก คือการค้นหาความเป็นตัวตน การสร้างเอกลักษณ์ในการจดจำแบบ 360 องศา และการติดตามผล

การค้นหาความเป็นตัวตน เป็นส่วนที่สำคัญมากจะมีการสำรวจและค้นหา “ตัวตนที่แท้จริง และค้นหาจุดยืนทางความคิด เพื่อให้ความลับของการสร้างแบรนด์ให้เกิดขึ้นในตัวบุคคลนั้นจริงๆ เช่น การสัมภาษณ์จะลงลึกไปถึงแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ หรือกลิ่นน้ำหอมที่ชอบ เนื่องจากแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีการวางกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ยาสระผมที่มีส่วนผสมธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับเจาะกลุ่มคนที่ใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ เพราะฉะนั้นบุคคลที่เลือกใช้ยาสระผมชนิดนี้ จึงเป็นกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ซึ่งตามทฤษฎีการเลือกซื้อสินค้านั้นสามารถเป็นเกณฑ์จำแนกพฤติกรรมของแต่ละ บุคคลได้เช่นกัน

     ในกระบวนการนี้จะมีการเก็บข้อมูลจากคนรอบตัว และหากผู้เรียนเป็นผู้ประกอบการจะมีการเก็บข้อมูลของ ธุรกิจที่ทำ รวมถึงข้อมูลแบรนด์ขององค์กรเพื่อสร้างอัตตาลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ให้เจ้าของแบรนด์สอดคล้องกับ ภาพลักษณ์แบรนด์ขององค์กร เมื่อคนนึกถึงแบรนด์จะได้นึกถึงเจ้าของ และเมื่อคนนึกถึงเจ้าของจะได้นึกถึงแบรนด์ โดย จุดประสงค์หลักของการเก็บข้อมูลคือ การสร้างอัตตาลักษณ์ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ตัวบุคคลนั้นเป็นอย่างแท้จริง

     ส่วนต่อมาสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้คนจดจำแบบ 360 องศา เทคนิคการแสดงตัวตนให้ผู้คนชื่นชอบและ จดจำผ่านการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ทรงผม ตลอดจนการวางมาดและท่าทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำความเข้าใจ เรื่องรูปร่าง เพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม การเลือกโทนเสียงในการพูด รวมถึงการปรับบุคคลิกภาพอย่างรอบด้าน โดยจะมี การปูพื้นฐานเรื่องของการดูแลตัวเองในเบื้องต้น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้กับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ประจำวันได้ แล้วจึงดีไซน์สไตล์การแต่งกายจากศรีษะจรดปลายเท้าที่ดูดีแต่ไม่เหมือนใคร

     จากนั้นเป็นเรื่องของการสร้างสไตล์เฉพาะตัวของการพูดจาสื่อสาร (Verbal Identity) รับรู้เอกลักษณ์ของโทน เสียง, สร้างวิธีการใช้คำพูดและภาษากายที่สร้างการจดจำ การใช้ถ้อยคำที่สื่อถึงความเป็นตัวตน หลักสูตรการเรียนปิด ท้ายด้วยการติดตามผล ทาง John Robert Powers จะส่งทีมงานประเมินผลเพื่อ วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเพราะเมื่อ ผู้เรียนกลับไปสู่สภาพแวดล้อมเดิมที่มีความคุ้นชินอาจทำให้กลับไปปฎิบัติตัวแบบเดิมๆ

     ปัจจุบันหลักสูตร BrandMe มีทั้งคลาสเรียนแบบเดี่ยวพิเศษ เพื่อผู้เรียนที่ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และ คลาสเรียนแบบกลุ่ม แต่จะเป็นการเรียนกลุ่มเล็กๆ เพื่อการันตีว่าอาจารย์ให้คำปรึกษาผู้เรียนทุกคนเฉพาะเจาะจงและดูแล ผู้เรียนอย่างทั่วถึง ถ้าผู้เรียนไม่สะดวกเดินทางมาเรียนที่ John Robert Powers จะมีคลาสพิเศษสอนนอกกสถานที่ตาม ความสะดวกของผู้เรียน

สิ่งที่ผู้เรียนจะได้รับจากหลักสูตร BrandMe นั่นก็คือ การมีอัตตาลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นไม่ เหมือนใคร ได้เรียนรู้เทคนิค Personal Branding หรือวิธีการสร้างแบรนด์ให้เกิดขึ้นในตัวคุณ อันเป็นเคล็ดลับสำคัญของ คนที่มีชื่อเสียงมากมายใช้ในการเพิ่มมูลค่าในตัวตนของเขา การทำตัวเราให้กลายเป็น “แบรนด์” ที่น่าจดจำ เป็นแนวคิด สำคัญของการสร้างความสำเร็จให้กับชีวิตของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เลือกวิธีแสดงออกไปยังผู้คนรอบตัว ทั้งการแต่งกาย สไตล์การพูดจา ท่าทาง และมุมมองความคิด

     หากสังเกตผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง แต่ละคนล้วนให้ความสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การมีจุดยืน ทางความคิดที่จะแสดงออกต่อผู้คนรอบตัวอย่างชัดเจน เทคนิคการแสดงตัวตนให้ผู้คนชื่นชอบและจดจำผ่านการเลือก เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ทรงผม ตลอดจนการวางมาดและท่าทางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งมีสไตล์การพูดจาสื่อสารที่มี เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนจดจำได้ทั้งการใช้เสียงพูดและการใช้ถ้อยคำที่สื่อถึงความเป็นตัวตน โดยใช้เทคนิคการฉายภาพ ซ้ำๆ เป็นเทคนิคสร้างการจดจำแบบอัตโนมัติที่ใช้ได้ผล การถูกจดจำย่อมสร้างผลดีต่อผู้ประกอบการและธุรกิจ

     การสะกดทุกคนให้จดจำคุณได้เหมือนแบรนด์เนมชื่อดัง ก่อให้เกิดการจดจำทำให้ธุรกิจมีแต้มต่อเหนือคู่แข่ง แต่การผลักดันตัวเองให้เป็นที่จดจำไม่ใช่เรื่องง่าย หลักสูตร BrandMe ของJohn Robert Powers จึงเป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่น่าจดจำ และน่าประทับใจแก่ผู้คนรอบตัวคุณทั้งในโลกจริงและโลกโซเชียลเน็ตเวอร์ค พร้อมผลักดันให้คุณมีชื่อเสียงอย่างคนดังผู้ประสบความสำเร็จ


---

รับรายละเอียดหลักสูตรและโปรโมชั่น
Add line@ ที่ @johnrobertpowers

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

???? โทร. 086 975 8818 , 081 658 2645
หรือติดต่อ E-Mail : chonticha@johnrobertpowers.in.th

---